บริษัท อาร์ สมาร์ทไลฟ์ จำกัด ผู้นำทางด้านเทคโนโลยีและระบบ SMART HOME ที่สามารถตอบโจทย์ให้กับทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยการนำเสนอระบบ Home Automation ผ่านการใช้นวัตกรรมอุปกรณ์ที่ทันสมัย และเป็นที่นิยมใช้ในต่างประเทศ มาปรับใช้กับชีวิตประจำวันของคนไทยให้พบกับความง่าย สะดวกสบาย และตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างตรงจุด โดยครั้งนี้ คุณคงเดช ตันติเมธ ได้บอกเล่าเรื่องราวจุดเริ่มต้นของR SMARTLIFE ให้เราฟังว่า
“ R SMARTLIFE ทางกลุ่มผู้บริหารจัดตั้งขึ้นมาเพื่อโฟกัสในเรื่องของสินค้านวัตกรรม โดยการสรรหาสินค้าที่ดีมีคุณภาพทางด้านนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันของคนไทย ด้วยการตั้งเป้าในการเป็นบริษัทชั้นนำที่ให้บริการด้านการออกแบบระบบ Automation ซึ่งเดิมทีมีการแบ่งเป็น 2 แบบ คือ Home Automation และ Building Automation ยกตัวอย่างเช่นว่า คนดูแลอาคารหนึ่งคนไม่สามารถเดินดูแอร์ทุกตัว ดูไฟทุกหลอดได้ จึงจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ Automation ดึงข้อมูลทุกอย่างมาอยู่บนหน้าจอเดียว แล้วสามารถดูได้ว่าชั้นไหนเป็นอย่างไร ซึ่งทีมงานของ R SMARTLIFE เรามีประสบการณ์ในงานด้าน Building Automation มาประมาณ 16 ปี แต่ว่าช่วงหลังอุปกรณ์หรือนวัตกรรมเริ่มมีราคาถูกลง จึงมีการนำไปประยุกต์ใช้เป็น Home Automation ด้วยการนำระบบควบคุมมาช่วยให้คนเราควบคุมอุปกรณ์ภายในบ้านได้ง่ายขึ้น ผ่านการบริการ ออกแบบ ติดตั้ง วางระบบ รวมถึงรับให้คำปรึกษาจาก R SMARTLIFE ”
แรงบันดาลใจจากวิถีพื้นถิ่น สู่การสร้างสรรค์บูธที่แตกต่าง
เพราะภาพลักษณ์ของ R SMARTLIFE คือกระจกที่สะท้อนให้เห็นถึงความทันสมัยแบบ 4.0 แต่จะทำอย่างไรให้คอนเซ็ปต์ของวิถีความเป็นไทยแบบดั้งเดิม ถูกผสมผสานเข้ากับงานออกแบบสมัยใหม่ที่ชูความเป็นไทยได้ในคราวเดียว คอนเซ็ปต์บูธ ผู้ใหญ่ลีตีกลองประชุม จึงถือกำเนิดขึ้น
“สำหรับคอนเซ็ปต์บูธของทาง R SMARTLIFE ในครั้งนี้คือ ผู้ใหญ่ลีตีกลองประชุม โดยเราอ้างอิงจากธีมงานหลักของงานสถาปนิกปีนี้ ที่มีการพูดถึงแนวคิดภูมิปัญญาพื้นถิ่นและเทคโนโลยีสมัยใหม่ เราจึงหยิบยกเพลงพื้นบ้านอย่างเพลงผู้ใหญ่ลีตีกลองประชุมมาเป็นตัวตั้งต้น สร้างสรรค์บูธในรูปแบบ Conference Space โดยยึดจากวิถีของชาวบ้านในเวลาที่มีการประชุมกันในต่างจังหวัด ตีความจากท่อนที่ว่าชาวบ้านออกมาชุมนุม มันทำให้เรานึกถึงภาพของการยืนบ้าง นั่งพื้นบ้าง ฉะนั้นบูธของเราจะไม่เจาะจงว่าจะต้องเป็นเก้าอี้ แต่จะเล่นลูกเล่นที่ความสูงๆ ต่ำๆ ของสเปซให้สามารถนั่งได้ ยืนได้ พิงได้ พร้อมกับการเลี้ยงดูปูเสื่อกันอย่างดีด้วยการจัดเลี้ยงเครื่องดื่มต่างๆ ”
“ต่อด้วยท่อนที่ว่า ต่อไปนี้ผู้ใหญ่ลีจะขอกล่าว คำว่าขอกล่าวเราก็ตีความเป็นเรื่องของซาวด์ แต่เป็นซาวด์ที่ไม่มีเสียงคือใช้หูฟัง เพื่อให้ทั้งสนุกและไม่มีเสียงรบกวนบูธอื่น สุดท้ายในท่อน ทางการเขาสั่งมาว่าให้ชาวนาเลี้ยงเป็ดเลี้ยงสุกร ซึ่งสมัยก่อนคำว่าสุกรมันใหม่มาก คนไม่รู้ว่าสุกรคืออะไร เช่นเดียวกับของเราสมัยนี้มันมี 4.0 ขึ้นมา ซึ่งถือว่ามันคือเรื่องใหม่ เราจึงใช้เทคโนโลยีมาสะท้อนความใหม่ผ่านการใช้โปรเจคเตอร์ฉายภาพเพื่อให้เกิดซีนต่างๆ และการใช้แอพพลิเคชั่นจาก R SMARTLIFE เข้ามาเชื่อมโยงด้วย ทำให้ภาพรวมของบูธเรามันคือการเข้ามาสังสรรค์ เข้ามาใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ในสเปซสูงๆ ต่ำๆ และการใช้ซาวด์เพื่อทำให้เข้าถึงการเข้าชมบูธมากขึ้น ”
R Smart Red House Studio การร่วมมือกันของ 2 บริษัท
เมื่อบริษัทผู้จัดจำหน่ายและให้บริการ ด้านงานระบบอุปกรณ์ Automation อย่าง R SMARTLIFE จับมือกับบริษัทออกแบบชื่อดังอย่าง Red House Studio ต่างนำความรู้และประสบการณ์ที่ตนเองถนัด ร่วมมือกันออกแบบเพื่อนำเสนอที่สุดแห่งนวัตกรรมด้านระบบ Automation ที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างครบวงจร
“ปีนี้ทาง R SMARTLIFE เราได้ร่วมมือกับทาง Red House Studio ซึ่งเป็นกลุ่มสถาปนิกที่เคยร่วมงานกัน จับมือกันทำเป็น Co-Branding ขึ้นมาภายใต้ชื่อ R Smart Red House Studio เพราะจากที่เรามีประสบการณ์ในด้านการให้บริการด้านงานระบบ และจำหน่ายอุปกรณ์ Automation ในหลายๆ ปีที่ผ่านมา เรายังไม่เคยเห็นผู้ให้บริการด้านงานระบบร่วมมือกับดีไซน์เนอร์แบบนี้มาก่อน ส่วนใหญ่จะเป็นในแนวที่ว่าเจ้าของอุปกรณ์ก็มีอุปกรณ์ ดีไซน์เนอร์ก็อยู่ในส่วนดีไซน์เนอร์ เมื่อลูกค้ามีความต้องการทั้งด้านอุปกรณ์และการออกแบบ ลูกค้าก็ต้องไปติดต่อกับทั้ง 2 ทาง มันจึงไม่เคยมีจุดที่จะมาบรรจบกันอย่างรูปธรรมจริงๆ สักที เพราะฉะนั้นงานนี้ทาง R SMARTLIFE ถือว่าเป็นเกียรติมากที่ได้ทาง Red House Studio เข้ามาช่วยทำเป็นโปรเจคขึ้นมา ซึ่งในอนาคตเราจะมีการบริการตรงนี้ให้กับลูกค้าด้วย ”
Wireless Kinetic Switch สวิตช์ไร้สาย ไร้แบตเตอรี่
สำหรับอีกหนึ่งนวัตกรรมที่ R SMARTLIFE นำมาเสนอภายในงานสถาปนิก ’61 ในครั้งนี้ คือ Wireless Kinetic Switch สวิทซ์ไฟชนิดไร้สายที่ไม่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ แต่สามารถสร้างพลังงานไฟฟ้าได้ในตัวเอง ที่จะทำให้คุณค้นพบถึงความสะดวกสบาย และการติดตั้งที่ไม่ยุ่งยาก เรียกว่าตอบโจทย์บ้านแบบ Smart Home เป็นอย่างมาก
“Wireless Kinetic Switch เป็นสวิทซ์ไฟชนิดไร้สายที่ไม่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ ซึ่งที่ต่างประเทศใช้นานแล้ว แต่ของเมืองไทยยังไม่ค่อยใช้ เพราะสถาปนิกไม่ค่อยชอบเสียงของมัน แต่จริงๆ ในแง่ของวิศวกรรมจะชอบตรงที่ว่า ต่อไปนี้ถ้ามีไฟ เราเอาไฟมาเข้าตัวกล่องนี้ เราจะไว้ตรงไหนก็ได้ สวิตช์ติดตรงไหนก็ได้ เพราะมันคุยกันรู้เรื่องเป็น Wireless Switch อีกทั้งมันยังไม่ใช้แบตเตอรี่ภายใน มันใช้เป็นพลังงานจลน์ นี่คือสาเหตุว่ากดแล้ว ข้างในมันจะมีกระเดื่องดีด เพื่อสร้างพลังงานให้บอร์ดสื่อสารภายในส่งไปสื่อสารว่าเปิดหรือปิดไฟ ตอนนี้สามารถที่จะลิ้งค์เข้าไปที่ระบบเน็ทเวิร์คที่บ้านใช้ร่วมกับแอพสื่อสาร นี่จึงเป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่เราเห็นว่ามันน่าจะมีประโยชน์ ต่อไปหลังจากที่สร้างบ้านเสร็จแล้ว แต่ต้องการเพิ่มสวิตช์ไฟหัวเตียง ถ้าเป็นสมัยก่อนเราอาจจะต้องเรียกช่างมาเดินไฟ เดินสาย แต่ตอนนี้ไม่ต้องแล้วแค่เราเอาตัวนี้ไปปรับต่อเซอร์กิตไฟที่เราต้องการจะคุม แล้วเพิ่มสวิตช์ที่หัวเตียง จากนั้นลิ้งค์เข้าอินเตอร์เน็ตแค่นี้ก็สามารถเปิดปิดไฟบนอินเตอร์เน็ตได้ ”
คุณภาพ + ราคา = ความคุ้มค่า แม้ “Wireless Kinetic Switch จะมีราคาที่ค่อนข้างสูงกว่าตลาดสวิตช์ทั่วไป แต่หากวัดถึงความคุ้มค่าในแง่ของคุณภาพ ฟังก์ชันการใช้งาน และการลดการติดตั้งที่ยุ่งยาก ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายในอีกหลายๆอย่างตามมา นับว่า Wireless Kinetic Switch ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ
“ส่วนใหญ่ที่พบ ผู้บริโภคมักอาจจะเอา Wireless Kinetic Switch ไปเทียบราคากับสวิตช์ไฟทั่วไปในการตัดสินใจ แต่ถ้าคำนึงถึงการใช้งานในแง่ของการที่ เราจะเพิ่มสวิตช์ไฟแล้วเราต้องกรีดผนัง ฝังท่อ พวกนี้เป็นค่าใช้จ่ายหมด แล้วไม่มีอะไรการันตีได้ว่าสีใหม่หรือวอลเปเปอร์ใหม่จะเข้ากับของเดิม ไหนจะมีเรื่องของฝุ่นและการติดตั้งที่ค่อนข้างใช้เวลา เฉลี่ยกันแล้วราคามันอาจจะใกล้เคียงกันก็ได้ แต่ในที่แน่ๆ เราได้ในเรื่องของเวลาอย่างในกรณีที่เป็นพื้นที่เปิดโล่งทั่วไป อาจใช้เวลาติดตั้งแค่ครึ่งชั่วโมงก็เสร็จแล้ว แต่ถ้าคุณไปกรีดผนังฝังท่ออาจจะต้องใช้เวลาเป็นวันๆ ”
“อีกทั้งปัจจุบันบ้านส่วนใหญ่ใช้ผนังพรีแคส ซึ่งวิศวกรหลายท่านเคยแนะนำว่า ผนังพรีแคสจริงๆ แล้วถ้าไม่จำเป็นไม่อยากให้เจาะ เพราะบางครั้งการเจาะอาจทำให้ผนังร้าวได้ ซึ่งตรงนี้เห็นว่ามีประโยชน์กว่ากันค่อนข้างมาก อยากนำไปติดตรงไหนก็ติดได้เลย อย่างสมมติว่าเรามีเตียงลอยตัวหรือเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวอยู่กลางบ้าน เตียงนอนเราไม่ได้ชิดผนัง แล้วแถวนั้นไม่มีสวิตช์ ถ้าเราเอาอันนี้ไปติดที่หัวเตียง เวลาเปิดไฟมันง่ายกว่าเดินสายมาก ”
ประยุกต์ใช้ ปลอดภัย ตอบโจทย์ผู้สูงอายุ
นอกจาก Wireless Kinetic Switch จะตอบโจทย์การใช้งานที่สะดวกสบายสำหรับคนรุ่นใหม่แล้ว ในแง่ของผู้สูงอายุก็สามารถนำอุปกรณ์เหล่านี้ไปประยุกต์ใช้เป็นอุปกรณ์ขอความช่วยเหลือในยามฉุกเฉินได้ แถมยังมาพร้อมกับความปลอดภัยอีกด้วย
“นอกจาก Wireless Kinetic Switch จะมีปุ่มขนาดใหญ่ที่ผู้สูงอายุใช้งานได้ง่ายแล้ว เรายังสามารถประยุกต์ใช้เป็นปุ่มควบคุมออด เวลาที่ผู้สูงอายุอยู่ในห้องเกิดเรียกคนแล้วไม่มีใครได้ยินสามารถไปแปะไว้เป็นกึ่งๆ Emergency Button ได้ นอกจากนี้ยังมีตัวที่สามารถนำไปติดในห้องน้ำได้ด้วย เปิดปิดได้สะดวกสบายและไม่ต้องกลัวโดนไฟดูด เพราะตัวระบบ Automation มีคุณสมบัติที่ไฟไม่ดูด เราใช้เรื่องของการส่งสัญญาณอย่างเดียว ไฟเดินเข้าสวิตช์ แล้วก็สัญญาณก็เดินไปที่ตัวรับ ไม่มีทางที่ไฟจะดูดแน่นอน ถือเป็นอุปกรณ์ที่ปลอดภัยมากสำหรับผู้สูงอายุ ”
Green Material
เพราะด้วยคุณสมบัติของ Kinetic Switch ที่เข้ามาช่วยในเรื่องของการติดตั้งสวิตช์ไฟแบบเดิม ที่ต้องเจาะผนัง ฝังท่อ เดินสายต่างๆ ซึ่งทั้งยุ่งยากและใช้ปริมาณสายไฟและงบประมาณค่อนข้างมาก Wireless Kinetic Switch จึงนับว่าเป็นอีกหนึ่ง Green Material ด้วยเช่นกัน
“สำหรับสินค้าของเราถือเป็น Green Material แน่นอนครับ ในแง่ของการประหยัดการใช้สายไฟ และไม่ใช้แบตเตอร์รี่ แค่นี้ก็เท่ากับว่าคุณสามารถรักษาสิ่งแวดล้อมแล้ว เพราะคุณไม่ใช้ทองแดง ไม่ใช้ตะกั่ว สมมติถ้าอาคารหนึ่งมี 60 ชั้น หันมาใช้อุปกรณ์ลักษณะนี้กันหมด ก็จะช่วยประหยัดการใช้สายไฟได้ไม่รู้กี่ร้อยกิโล มันจึงเป็นอุปกรณ์ที่ Green แน่นอน ”
ความต่างที่ตอบรับความต้องการได้ทุกกลุ่ม
ด้วยศักยภาพของสินค้าที่มีอยู่รอบด้าน ทำให้ R SMARTLIFE สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้แทบทุกกลุ่ม ซึ่งไม่เพียงตอบโจทย์ด้านฟังก์ชันการใช้งานเท่านั้น หากแต่ยังสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรต่างๆได้อีกด้วย
“จริงๆ แล้วสินค้าของเราเหมาะกับลูกค้าทุกกลุ่ม อย่างตอนนี้ Developer หลายๆ ที่ก็พยายามใช้อุปกรณ์ Automation กันบ้างแล้ว เช่น เดินเข้าบ้านแล้วไฟหรือแอร์เปิดเองได้ หรือการทำห้องประชุม เขาก็นำอุปกรณ์เหล่านี้ไปใช้ เพื่อที่จะโชว์นวัตกรรมสมัยใหม่ ถือเป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้กับทางองค์กรได้เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นกลุ่มลูกค้า Developer เราเข้าถึงได้ กลุ่มโรงแรมก็ใช้อุปกรณ์พวกนี้อยู่แล้ว กลุ่มอาคารพาณิชย์ เช่น อาคารออฟฟิศหรือ Commercial Building เขาจะเน้นในเรื่องของ Energy Saving ซึ่งเราก็ตอบโจทย์ จึงถือว่าสินค้าจากเราสามารถเข้าถึงได้ทุกกลุ่ม ”
ฉะนั้นทาง R SMARTLIFE จึงอยากจะเชิญผู้ที่มาชมงานให้ลองแวะเข้ามาชมนวัตกรรมสมัยใหม่ ผ่านการออกแบบด้วยคนรุ่นใหม่ เผื่อจะได้แนวความคิดใหม่ๆ ในการนำไปปรับปรุงบ้านหรือที่ทำงานของตัวเอง พบกันที่บูธ E601 (S14) ในงานสถาปนิก ’61 งานแสดงเทคโนโลยีสถาปัตยกรรมและวัสดุก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ระหว่างวันที่ 1 – 6 พฤษภาคม 2561 ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี